The Elder Scrolls 6 จะปล่อยให้กับ PC และ Xbox เท่านั้น

The Elder Scrolls 6 จะปล่อยให้กับ PC และ Xbox เท่านั้น

ประธานของ Xbox นั้นได้ออกมายืนยันแล้วว่า The Elder Scrolls 6 นั้นจะทำการปล่อยให้กับแพลตฟอร์ม PC และ Xbox เท่านั้น เช่นเดียวกับ Starfield ในวันนี้ (16 พ.ย. 2564) ได้มีการรายงานถึงความแน่นอนแล้วว่าตัวเกมส์ The Elder Scrolls 6 (TES 6) นั้นจะทำการปล่อยลงให้กับแพลตฟอร์ม PC และ Xbox เท่านั้น โดยเป็นแนวทางที่หลายฝ่ายได้คาดการณ์ไว้ ภายหลังจากที่ทาง Microsoft ได้ทำการควบรวมกิจการ Zenimax Media ไปเมื่อปีที่ผ่านมา

โดยอ้างอิงจากบทสัมภาษณ์ของ Phil Spencer,

 ประธานของแผนกงาน Xbox จากทาง Microsoft ที่ได้ให้ไว้กับนิตยสาร GQ ซึ่งได้กล่าวถึงแนวทางนี้ไว้ว่า “มันไม่ใช่ว่าเรานั้นจะทำร้ายแพลตฟอร์มอื่น ๆ เพียงแค่ผมเชื่อว่าแพลตฟอร์มต่าง ๆ ทั้งหมดนั้นยังคงสามารถเติบโตต่อไปได้”

“แต่สำหรับตัวเกมส์บนแพลตฟอร์ม Xbox นั้นผมต้องการทีมงานของเราสามารถที่จะนำเอาตัวเกมส์ในฉบับที่สมบูรณ์ที่สุดเท่าที่เราจะมีได้ มันจะเป็นไปเช่นนั้น เมื่อพวกเราพูดถึง TES 6 และมันสามารถเป็นไปได้ในรูปแบบเดียวกันกับแฟรนไชน์เกมส์อื่น ๆ ของเราด้วยเช่นกัน”

สำหรับผู้เล่นบนแพลตฟอร์ม PC นั้น ไม่ต้องกังวลแต่อย่าง เพราะ Microsoft นั้นมีนโยบายในการปล่อยเกมส์ของตัวเองลงให้ PC ด้วยตั้งแต่วันแรกรองรับไว้เรียบร้อย ดังนั้นแล้ว TES 6 จะลงให้กับ PC อย่างแน่นอน

ในทางธุรกิจแล้ว ถือว่าเป็นแนวทางที่เข้าใจได้ แต่ก็ถือว่ามีความรุนแรงในระดับหนึ่ง เพราะก็ถือว่ามันยังคงมีสายสัมพันธ์ที่ยังคงตัดไม่ขาดอยู่สำหรับเกมส์ต่าง ๆ บนแพลตฟอร์ม PlayStation ไม่ว่าจะเป็น Minecraft / Fallout 76 และ TES Online ที่มีการปล่อยเนื้อหาเพิ่มเติมอยู่เรื่อย ๆ, Skyrim Anniversary Edition ที่เพิ่งถูกปล่อยไปเมื่อเร็ว ๆ นี้ รวมไปถึง Deathloop และ Ghostwire: Tokyo ที่จะพัฒนาให้กับ PlayStation เนื่องจากสัญญาก่อนหน้านี้

บทสัมภาษณ์นี้ได้เกิดขึ้นเนื่องจากวาระครบรอบ 20 ปีของ Xbox ซึ่ง Microsoft นั้นก็ได้ทำการปล่อย Halo Infinite ในส่วนของโหมดการเล่นแบบ Multiplayer ให้ได้เล่นก่อนล่วงหน้า เพื่อเป็นการฉลองแฟรนไชน์เกมส์ประจำแพลตฟอร์มนี้ ตัวเครื่องมาพร้อมกับ 2 สี ได้แก่ Aurora Dawn ที่ไล่ระดับแวววับสวยงาม และสี Cosmic Black สีดำเข้มมอบลุคที่ดูสุขุมน่าค้นหา

ในส่วนของประสิทธิภาพเปิดด้วยอัตราการรีเฟรชเรทที่ 120 Hz บนหน้าจอแบบ AMOLED ขนาด 6.56 นิ้ว ความละเอียด Full HD+ 2376 x 1080 พิกเซล พร้อมรองรับมาตรฐาน SGS Eye Care Display และ SGS Seamless เพิ่มความสวยงามลื่นไหลยิ่งขึ้นไปอีก

ติดตั้งเทคโนโลยีชิปเซ็ต MediaTek Dimensity 1200-vivo 5G platform รองรับมาตรฐาน UFS 3.1 ผนวกกับ Extended RAM 2.0 ขนาด 12 GB ประมวลผลการทำงานได้รวดเร็วสะใจ และพื้นที่เก็บข้อมูลภายใน ROM ขนาด 256 GB ซึ่งยังมีฟีเจอร์โดดเด่นอีกอย่างหนึ่งคือตัว ROM สามารถแบ่งพื้นที่บางส่วนไว้สำหรับใช้งาน RAM ได้สูงสุด 4 GB

Samsung เริ่มปล่อย One UI 4 – Android 12 อย่างเป็นทางการ

Samsung ได้ประกาศถึงปล่อยระบบเชื่อมต่อกับผู้ใช้งาน  One UI 4 ที่มาพร้อมกับระบบปฏิบัติการมือถือ Android 12 อย่างเป็นทางการแล้ว เมื่อวันที่ 15 พ.ย. ที่ผ่านมา เมื่อวานนี้ (15 พ.ย. 2564) – Samsung ได้ประกาศอย่างเป็นทางการถึงการปล่อยตัวของระบบเชื่อมต่อกับผู้ใช้งานประจำบ้าน  One UI 4 โดยจะมาพร้อมกับระบบปฏิบัติการมือถือรุ่นล่าสุด Android 12 ซึ่งอุปกรณ์ที่ได้รับเป็นกลุ่มแรกนั้นก็คือตระกูลสมาร์ทโฟนเรือธงในเวลานี้อย่าง Galaxy S21 Series

โดยคาดว่าอุปกรณ์ต่าง ๆ ที่ยังรองรับการอัปเดตของทาง Samsung นั้น จะเริ่มทยอยรับระบบดังกล่าวในช่วงอาทิตย์ต่อ ๆ ไป 

นอกจากตัวระบบ One UI 4 แล้วนั้น Samsung ก็ได้ทำการประกาศถึงการเตรียมการปล่อยการอัปเดตระบบสำหรับสมาร์ทวอซท์ Galaxy Watch, Galaxy Watch Active, Galaxy Watch Active2, และ Galaxy Watch3 ที่ซึ่งจะเปิดให้ “ผู้ใช้งานได้เพลิดเพลินไปกับฟีเจอร์ทางด้านสุขภาพที่ได้รับการพัฒนา และหน้าจอระบบใหม่ของนาฬิกา”

ทั้งนี้แล้วยังไม่มีการรายงานถึงรายละเอียดอื่น ๆ ว่าการปล่อยระบบอย่างเป็นทางการในครั้งนี้ จะเริ่ม และปล่อยให้ที่ไหนบาง แต่ก็คาดกันว่าน่าจะเริ่มที่ประเทศเกาหลีใต้ก่อนที่เป็นที่แรกอย่างแน่นอน และพื้นที่อื่น ๆ ทั่วโลกนั้นจะเริ่มได้รับต่อไปหลังจากนั้น

นอกจากนี้ยังลิงก์กับอุปกรณ์อื่น ๆ ได้อย่างง่ายดายด้วย Infrared Remote Control เพื่อควบคุมเครื่องใช้ต่าง ๆ ภายในบ้านที่รองรับการเชื่อมต่อกับมือถือรุ่นนี้ สามารถใช้งานได้ต่อเนื่องยาวนานไม่มีติดขัด ด้วยแบตเตอรี่ความจุ 4450 mAh และระบบชาร์จเร็วทันใจ 44 วัตต์ กับ Reverse Charging เปลี่ยนตัวเองเป็นเพาเวอร์แบงค์แบ่งปันพลังงานให้กับอุปกรณ์อื่นได้อีกด้วย

ราคาและการวางจำหน่าย สำหรับ vivo X70 Pro 5G วางจำหน่ายแล้วในประเทศไทย โดยมีราคาเริ่มต้นอยู่ที่ 27,999 บาท สามารถซื้อได้ผ่านตัวแทนร้านค้าออนไลน์ได้เลย โดยรวมถือว่ามีสเปกโดดมาจากรุ่นก่อนแบบชัดเจน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการใช้งานถ่ายภาพ ทำงานทั่วไป หรือแม้แต่เล่นเกม และความบางเพรียว รับกับขนาดเครื่องใหญ่ได้อย่างสมส่วน ถือจับถนัดมือไม่รู้สึกอึดอัดเกินไป

Credit : แนะนำสถานที่ท่องเที่ยว | แต่งบ้านและสวน | พระเครื่อง | รีวิวกล้องถ่ายรูป